วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มาดูวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องและปลอดภัยกัน

การลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

1.ไม่กินข้าวมื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ2.เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก3.เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด ติดต่อกัน 3 วัน4.อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน โดยเริ่มจาก 2 วันแรกกินผลไม้ ต่อจากนั้นอีก 7 วันกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม5.กินเนื้อกับผัก โลว์-คาร์บ(Low-Carb) คือกินได้ทุกอย่าง โดยไม่แตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุดและกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อตามสูตรนี้แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับพลังงานหลักจากคาร์โบไฮเดรตตามปกติ แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วยนะคะ
เขียนโดย Thaiman ที่ 2:01 วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552
กินแป้งยังไงถึง..ไม่อ้วน

วิธีการที่จะทำให้การกินแป้งไม่อ้วนมี 2 วิธีคือ (1) การเลือกกินแป้งและน้ำตาล ที่มีดัชนี ไกลซีมิก ต่ำ - ดัชนีนี้เป็นตัววัดว่า อาหารพวกแป้งและน้ำตาลนี้จะมีผลต่อระดับของกลูโคสในเลือดอย่างไร หากมีค่าไกลซีมิกสูงเท่าไร ระดับกลูโคสในเลือดก็เพิ่มขึ้นเร็วเท่านั้นโดยปกติ กลูโคสจะถือว่ามีค่าไกลซีมิกอยู่ที่ 100 ส่วนแป้งและน้ำตาลอื่นๆก็มีค่าน้อยลงลดหลั่นลงมา หากอาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกว่า 55 ถือว่ามีค่าไกลซีมิกต่ำ ส่วนระดับ 55-70 จัดว่ามีค่าอยู่ขั้นปานกลาง และระดับที่สูงกว่า 70 จัดอยู่ในขั้นสูงดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดระดับกลูโคสในเลือดสูงเกินไป ก็เลือกกินแป้งและน้ำตาลที่มีค่าไกลซีมิกต่ำนั้นเอง>> แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกสูง เช่น ขนมปัง (แม้แต่โฮลวีทที่มีวิตามินเยอะก็สูง) วัฟเฟิล แครกเกอร์ ข้าวขัดขาว มันฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็น เฟรนฟราย หรือ อบ>> แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกต่ำๆ เช่น พวกแป้งและน้ำตาลที่อยู่ในถั่วโดยส่วนใหญ่ น้ำตาลในผลไม้ ข้าวซ้อมมือ พาสต้า หรือ สปาเก็ตตี้ ปัญหาหลักของการทานดัชนีไกลซีมิกสูงๆ คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการฟอกสีและกระบวนการผลิตที่ทำให้อาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกลายเป็นอาหารที่มีค่าไกลซีมิกสูง อย่างพวกแป้งขัดขาวที่นำมาทำเป็นขนมปัง ดังนั้นไม่ถึงกับต้องงดหรือลดการทานแป้งและน้ำตาลคะแต่ให้เลือกพวกที่มีค่าไกลซีมิกต่ำเป็นหลัก(2) การออกกำลังกาย - การออกกำลังกายนี้จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งคือ กลูคากอน มันมีหน้าที่ในการรักษาระดับของกลูโคสในเลือดไม่ให้ต่ำเกินไป โดยการสลายไกลโครเจนที่สะสมไว้เป็นกลูโคส รวมไปถึงการเอาไขมันที่สะสมมาใช้ด้วยซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าออกกำลังกายจึงทำให้คนเราผอมลง ดังนั้นอย่ากลัวแป้งและน้ำตาลมากจนเกินเหตุนะคะ แต่ให้เราเลือกการรับประทาน และออกกำลังกายไปด้วย น้ำหนักก็ลดลงได้คะ
เขียนโดย Thaiman ที่ 2:00 ป้ายกำกับ: กินแป้งยังไงถึง..ไม่อ้วน
วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552
โยโย่ แอฟเฟค

คนที่เกิดอาการ โยโย แอฟเฟคนี้ โอกาสที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บก็จะง่ายกว่าคนที่น้ำหนักคงที่ วิธีแก้ไขโยโย่เอฟเฟคทำได้โดยการออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร เพราะการออกกำลังกายนี้จะช่วยลดผลร้ายที่มีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากการที่มีน้ำหนักที่ลดลง และทำให้น้ำหนักตัวคงที่ด้วย หากคุณคนไหนที่คิดจะกินยาลดความอ้วนโดยการกินยาลดความอ้วนว่าคุณจะต้องคิดไว้เสมอว่าเอาสุขวันนี้ แล้วจะมานั่งทุกข์ในวันข้างหน้าหรือ?สำหรับคนที่เจอ โยโย แอฟเฟค เข้าแล้ว สิ่งที่ต้องจำไว้ให้ดี คือ อย่าหวนคืนไปผิดเป็นครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ ทางที่ถูกคือ หันมากินแบบเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอคะ ถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องใช้เวลาปรับตัวจาก โยโย แอฟเฟค บ้างแต่ให้ใจเย็นๆ คุณควรทานให้ครบทุกมื้อ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและเมื่อเกิดโยโย แอฟเฟค อย่าพยายามลดครั้งใหม่โดยการกินอาหารแคลอรีต่ำๆอีกนะคะ
เขียนโดย Thaiman ที่ 2:00 ป้ายกำกับ: โยโย่ แอฟเฟค
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552
วิธีแก้ผิวแตกลายจากการลดความอ้วน

สาวๆที่เคยอ้วน หรือเคยลดน้ำหนักบางคนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวแตกและลาย ซึ่งส่วนใหญ่มักพบว่าเกิดจากน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วไม่ได้เกิดจากผอมแล้วอ้วนอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากจะป้องกันผิวแตกลายก็อาจทำได้โดยลดความอ้วนโดยที่ไม่ได้ทำให้ เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นมากก่อน เช่น การออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อก็จะช่วยแก้ปัญหาที่จะเกิดนี้ได้ เพราะเมื่อคุณผอม กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะหดตัวลงตามไม่ทัน ทำให้ มีรอยเหี่่ยวและแตกลายแตกเป็นริ้วๆขึ้น ซึ่งมักจะเจอบ่อยในบริเวณ ผิวสะโพก น่อง หน้าท้อง และเต้านม ปัญหานี้จะไม่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนผิวขาว แต่ในคนผิวคล้ำหรือผิวสองสี จะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้กังวลใจมาก วิธีที่จะช่วยทำให้ดีขึ้นคือ คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิวทาเพื่อบำรุงผิวในจุดนั้นๆคะ
เขียนโดย Thaiman ที่ 1:59 ป้ายกำกับ: วิธีแก้ผิวแตกลายจากการลดความอ้วน
วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552
การรู้จักกินและดื่มเพื่อหุ่นสวย

การลดน้ำหนักที่ดีก็คือ การควบคุมอาหารที่จะใส่ปากใส่ท้อง และรวมไปถึงเครื่องดื่มต่างๆให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและจะต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ลองตรวจสอบกันดูสิว่า เรารับประทานอาหารและเครื่องดื่มกันถูกต้องเหมาะสมกันหรือไม่1. งดกินของทอด อาหารจำพวกทอดๆ ได้แก่ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด มันฝรั่งทอด และยังมีอีกหลากหลายเมนูทอดทั้งหลายที่ล้วนอุดมไปด้วยไขมัน ขอให้งดกินเด็ดขาด นอกจากจะจับตัวเป็นชั้นไขมันตามร่างกายแล้วยังก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาอีกมากมายอย่าลังเลที่จะงดกินของเหล่านี้กันเลย
2. เลิกกินกาแฟกับขนมปังมื้อเช้า มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์มากกว่ากาแฟหนึ่งแก้วและขนมหนึ่งแผ่นเท่านั้น เปลี่ยนเป็นนมกับซีเรียล โจ๊กสักชาม หรือข้าวกับแกงจืดก็ยังได้ เพราะอาหารมื้อเช้าจะถูกนำไปใช้เป็นพลังในการทำงานระหว่างวันมากกว่ามื้ออื่น
3. กินผักผลไม้ให้ได้ทุกมื้อ ถ้าเป็นเป็นไปได้ควรกินผักและผลไม้สดๆให้ได้ครบทุกมื้อ เพราะผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อุดมไปด้วยสารอาหารและใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย อายุก็ยืนยาวและไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักส่วนเกินอีกด้วย
4. ดื่มน้ำผักผลไม้ หากว่าการหาโอกาสกินผักผลไม้สดๆเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะการกินให้ได้ทุกมื้อและในจำนวนปริมาณที่มากๆ วิธีหนึ่งที่เป็นทางแก้ก็คือการดื่มน้ำผักผลไม้แทน โดยหาเครื่องสกัดน้ำผักผลไม้มาสกัดน้ำดื่ม จะได้ประโยชน์มากทีเดียวเพราะร่างกายจะดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้เร็วกว่าการรับประทานผักผลไม้สดๆ ถ้าไม่มีเครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องปั่นธรรมดาก็พอที่จะทำได้ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำผสมเข้าไป ปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำดื่ม แต่มีข้อยกเว้นว่าต้องไม่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด เพราะสามารถทำให้อ้วนได้เหมือนกัน
5. งดดื่มน้ำอัดลมโดยเด็ดขาด น้ำหวานน้ำอัดลมไม่จำเป็นจริงๆก็ขอให้งดดื่มโดยเด็ดขาดเพราะน้ำอีดลมประกอบไปด้วยน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ แล้วน้ำตาลส่วนเกินที่ได้รับจากการดื่มน้ำอัดลมก็จะไปสะสมในร่างกาย ทำให้อ้วนและกลายเป็นโรคเบาหวานในที่สุด
6. ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ ขอย้ำว่าให้ลดปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อ เคยกิน 2 จาน ก็ให้เหลือ 1 จาน เคยกินจานโตๆ ก็ลดมาเหลือครึ่งจาน ไม่ใช่ให้อดอาหาร การอดอาหารจะทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดภูมิต้านทาน และเมื่อกินมื้อต่อไป ร่างกายจะทำการสะสมเป็นไขมันเพื่อชดเชยมื้อที่อด 7. อย่าปล่อยให้หิวมากเกินไป การปล่อยให้มีความรู้สึกหิวจนท้องไส้กิ่ว บิดไปบิดมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะยอมอดเพื่อความผอมหรือไม่ได้อด แต่รู้สึกหิวจริงๆ ละก็ อย่าปล่อยให้รู้สึกหิวจนทรมานอย่างนั้น หาอะไรเป็นของว่างประเภทผลไม้ไม่มีรสหวานก็ได้ กินพอระงับความหิว เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองหิวจัดมากๆ พอถึงเวลากินอาหารแล้วจะกินมากกว่าเดิมเป็น 2-3 เท่าเชียว
8. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างช้าๆ คนที่กินอาหารด้วยความรวดเร็วจนเหมือนว่าไม่ได้เคี้ยวอาหารเลยสักนิด นอกจากจะทำให้กระเพาะทำงานหนักในการย่อยอาหารแล้ว ยังทำให้ท้องอืดและกินอาหารได้มากกว่าปกติ เพราะยิ่งกินเร็วก็เหมือนว่ากินได้น้อยและไม่อิ่มเสียที กว่าจะรู้สึกอิ่มก็แน่นท้องเสียแล้ว โดยปกติเราจะรับรู้ว่าอิ่มก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่ากระเพาะจะส่งสัญญาณให้รับรู้ว่าอิ่ม คนที่กินเร็วๆ จึงมีโอกาสกินมากเกินความต้องการของร่างกาย
9. ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร ดื่มน้ำสัก 2 แก้วก่อนรับประทานอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเมื่อมีน้ำอยู่ในกระเพาะ จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น แม้ว่าอยากกินก็กินต่อไม่ไหว
10. เลี่ยงการกินไขมันแต่ไม่ใช่งดกิน ไขมันมีทั้งประเภทไขมันแบบดีเป็นประโยชน์แก่ร่างกาย และแบบไม่ดีไม่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เราจึงไม่ควรจะงดกินไขมันไปเสียทุกประเภท อะไรบ้างที่เป็นไขมันแบบดี ก็คือไขมันที่ได้จากปลา จากพืช เพราะไขมันเหล่านี้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว จะไปช่วยลดการสะสมของไขมันที่จะไปอุดตันเส้นเลือด แล้วเจ้าไขมันแบบที่ไม่ดีล่ะ ก็คือ ไขมันจากสัตว์ กินเข้าไปมากๆ ก็จะสะสมก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ดังนั้นจึงควรเน้นกินไขมันประเภทไขมันแบบดีมีประโยชน์ให้มาก
11. กินมังสวิรัติ ถ้าเป็นไปได้ลองกินอาการมังสวิรัติเป็นประจำก็จะดีมีประโยชน์ เพราะเมนูอาหารจะเป็นผักเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องระวังอย่ากินแป้งมากเกินไป เลี่ยงอาหารจำพวกผัดๆ ทอดๆ ที่มันมากเกินแล้วก็อย่าลืมกินโปรตีนจากถั่วแทนเนื้อสัตว์ด้วยละ12. ดื่มนมพร่องมันเนย หากว่าดื่มนมเป็นประจำก็สามารถดื่มได้ แต่ให้เลี่ยงเป็นนมพร่องมันเนยแทน จะได้ไม่อ้วน เพราะร่างกายของเราเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ไขมันจากนมจึงไม่จำเป็นมากนัก
เขียนโดย Thaiman ที่ 2:01 ป้ายกำกับ: การรู้จักกินและดื่มเพื่อหุ่นสวย
วิธีลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนัก

วันนี้ขอเสนอวิธีลดน้ำหนักลองที่สามารถนำมาใช้ ลดความอ้วนแบบโลคาร์บกันได้เลยค่ะ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีลดความอ้วนที่เน้นตรงที่เราจะทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำและดีกับร่างกายเช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง โฮลวีต ธัญพืช และพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น โดยจะแบ่งเป็น 3 ช่วง และเหมาะกับคนที่ชอบทานอาหารหลากหลาย โดยมีเคล็ดลับคือ ดื่มแอ๊บเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ เจือจางทุกเช้า เพื่อช่วยย่อยและขับของเสียออกจากร่างกายค่ะ ถ้าหาไม่ได้ใช้มะนาว 1 ลูกบีบใส่น้ำอุ่น ดื่ม 1 แก้วทุกเช้าแทนได้ค่ะ

ช่วงที่ 1 เน้นการรับประทานแต่กับข้าว และผักปรุงด้วยน้ำมันมะกอก (ถ้าสามารถหาได้) กับข้าวควรปรุงด้วยเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไก่ไม่ติดหนัง ไข่ ปลา อาหารทะเล นม ไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว และน้ำมันมะกอก ทานได้มากเท่าที่ต้องการ คุณสามารถทานยำ ส้มตำ เกาเหลา สเต๊ก ราดหน้าหรือพาสต้าเกาเหลาได้ค่ะ จะเน้นว่าไม่ใส่เส้น หรือแม้แต่วุ้นเส้นก็ไม่ใส่นะคะ ช่วงนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์ค่ะ

ช่วงที่ 2 หลังจากผ่าน 2 สัปดาห์แรกในช่วงที่ 1 มาแล้ว เราสามารถเพิ่มคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายต้องการได้ค่ะ แต่ต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากผลไม้ โฮลเกรนต่างๆ ได้แก่ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ แป้งหรือขนมปังที่ไม่ขัดสี พืชตระกูลถั่ว และซีเรียลต่างๆ เพิ่มได้เพียง 1 อย่างต่อวันค่ะ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณคาร์โบไฮเดรตนะคะ อย่ามากเกินไป ลองจดบันทึกว่า แต่ละวัน เรากินอะไรไปบ้าง ให้ผลอย่างไรบ้างนะคะ จะทำให้เรารู้ว่า เราทานคาร์โบไฮเดรตชนิดไหน ทำให้เราลดน้ำหนักได้ดีกว่า ให้อยู่ในช่วงนี้จนกว่า จะลดน้ำหนักจะลงมา จนคุณพอใจค่ะ ส่วนใหญ่จะลดได้ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ค่ะ

ช่วงที่ 3 เป็นช่วงที่ทุกคนชอบมาก เพราะสามารถทานอะไรก็ได้ เพราะได้เรียนรู้ในช่วงที่ 2 แล้วว่าอะไรที่เป็นประโยน์ ทานแล้วได้ผลดีกับเรา เราก็ทานสิ่งนั้นค่ะ หากว่าน้ำหนักขึ้น ก็สามารถย้อนกลับไปแก้ไข ตามแบบช่วงที่ 1 ใหม่ได้ค่ะ เพียง 1-2 สัปดาห์ ก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ คุณจะต้องทำไปตลอดจนเป็นนิสัยค่ะ แล้วคุณจะควบคุมน้ำหนักได้ระยะยาวเลยทีเดียวค่ะ
เขียนโดย Thaiman ที่ 1:54 ป้ายกำกับ: วิธีลดความอ้วน, วิธีลดน้ำหนัก
วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
แนะนำ 7 วัน วิธีลดความอ้วน

ก่อนอาหารต้องดิ่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกฮอล์ ของทอดทุกชนิด

วิธีลดความอ้วน วันที่ 1
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วิธีลดความอ้วน วันที่ 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วิธีลดความอ้วน วันที่ 3
เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู,เนื้อ)
เย็น สลัดผัก
วิธีลดความอ้วน วันที่ 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน สลัดผัก และ ไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วิธีลดความอ้วน วันที่ 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ส้มตำ และ ไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น สลัดผัก
วิธีลดความอ้วน วันที่ 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น สลัดผัก
วิธีลดความอ้วน วันที่ 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี และ เนื้อ 1 ชิ้น , หรือ ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู , เนื้อ)
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น

ที่มา yenta4.com
เขียนโดย Thaiman ที่ 18:47 ป้ายกำกับ: ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก, วิธีลดความอ้วน, วิธีลดน้ำหนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น